“Hawker Center สิงคโปร์ : บทเรียนเพื่อการพัฒนาหาบเร่แผงลอยในประเทศไทย”

“อย่าลอกเลียนแบบสิงคโปร์ ขอให้นำส่วนของสิงค์โปร์มาใช้พัฒนาประเทศไทย              
มันเป็นหาบเร่ของไทยมีความสวยงามและเป็นเอกลักษ์มากอยู่แล้ว ”

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 ได้ทำการจัดงานเสวนาสาธารณะหัวข้อ “Hawker Center สิงคโปร์: บทเรียนเพื่อการพัฒนาหาบเร่แผงลอยในประเทศไทย” ที่โรงแรมเอเชีย กรุงเทพฯ 

งานนี้ได้มีการเชิญผู้เชี่ยวชาญจากสิงคโปร์ 2 ท่าน — Dr. Lai Chee Kien และ Mr. KF Seetoh ผู้ก่อตั้ง Makansutra ที่ผลักดันจน “Hawker Culture” ได้รับการรับรองเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของ UNESCO ซึ่งตรงกับเป้าหมายของกิจกรรมนี้ ที่มีวัตถุประสงค์ในการนำเสนอมุมมองต่อกรุงเทพมหานคร ว่านโยบายหนังเมืองและวิสัยทัศน์ของสิงคโปร์ที่ได้รับการผลักดันจากทางกรุงเทพมหานครไม่ได้มีแต่ด้านดี แต่ยังมีข้อจำกัดและผลกระทบที่ตามมา ที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญจากสิงคโปร์ยังถึงกับออกปากว่า 

“อย่าลอกเลียนแบบสิงคโปร์ ขอให้นำส่วนของสิงค์โปร์มาใช้พัฒนาประเทศไทย มันเป็นหาบเร่ของไทยมีความสวยงามและเป็นเอกลักษ์มากอยู่แล้ว”

ประโยคนี้สะท้อนถึงทัศนคติว่าไทยไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามแบบแผนของชาติใด แต่ควรสร้างรูปแบบของตนเองที่สอดคล้องกับเอกลักษณ์และความงดงามของวัฒนธรรมท้องถิ่น

เกิดแนวคำถามที่ว่า โมเดล Hawker Center ของสิงคโปร์จะถูกนำมาปรับใช้กับกรุงเทพฯ ได้จริง ๆ หรือไม่ จะเหมาะสมไหมกับการดำเนินการเพื่อยกระดับหาบเร่แผงลอยให้เป็นทั้งโครงสร้างถาวร วัฒนธรรมอาหาร และอาชีพที่มั่นคงสำหรับผู้มีรายได้น้อย