จากการแลกเปลี่ยนเชิงนโยบายและการจัดเวทีเพื่อเผยแพร่มุมมองต่อสาธารณชนและทางภาครัฐที่เกี่ยวข้องแล้ว ทางสหพันธ์ฯ ยังได้ผลักดันประเด็น สิทธิในการประกอบอาชีพ โดยสหพันธ์ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยได้เข้ายื่นหนังสือต่อ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เพื่อให้ตรวจสอบการบริหารจัดการหาบเร่แผงลอยของกรุงเทพมหานคร โดยทางกทม. ที่เคยร่วมมือกับ กสม. สร้าง เมืองแห่งสิทธิมนุษยชน (Human Rights City) แต่กลับจัดระเบียบทางเท้า ไล่เลิกผู้ค้าหาบเร่แผงลอยนับหมื่นคนภายใน 2 ปีอย่างไร้มาตรการเยียวยาโดยข้อเรียกร้องหลักคือ สหพันธ์ฯ ต้องการให้ กทม. ทบทวนนโยบายที่อาจละเมิดสิทธิมนุษยชน อันเป็นสิทธิที่รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ ทั้ง 2 มาตรา คือ
- มาตรา 40 (เสรีภาพในการประกอบอาชีพ)
- มาตรา 71 (สิทธิขั้นพื้นฐานด้านสวัสดิการเพื่อความมั่นคงในการดำรงชีวิต)
เสียงผู้ค้าที่เข้าร่วมสื่อสารออกมาอย่างตรงไปตรงมา
“หาบเร่คือชีวิต ไม่ใช่เพียงการค้าขาย แต่คือสิทธิในการอยู่รอดในเมืองที่เรารัก”

และทาง กสม. ได้ดำเนินการลงไปสำรวจความเดือดร้อน สืบข้อเท็จจริงในพื้นที่ที่ถูกยกเลิก ลงลึกไปที่ชุมชนจริง จัดเวทีสนทนากับผู้ค้าใน 8 เขตกรุงเทพฯ รวมผู้ได้รับความเดือดร้อนกว่า 1,000 คน เสียงจากพื้นที่หลากหลาย บางเขตเรียกร้องให้มี “จุดผ่อนผันถาวร” บางเขตอยากเห็นระบบอนุญาตที่โปร่งใสและลดการถูกรีดไถ
“ความหลากหลายเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาและความสองมาตรฐานของการบริหารเมืองในแต่ละเขต ที่บางเขตสามารถอนุมัติพื้นที่ให้เป็นจุดผ่อนผันได้ แต่บางพื้นที่กลับดูเหมือนจะไม่มีวัน“
ความร่วมมือของ สหพันธ์ผู้ค้าหาบเร่แผงลอย กทม. มูลนิธิเพื่อการพัฒนาแรงงานและอาชีพ และสถาบันวิจัยสังคม จุฬาฯ ไม่ได้เพียงสร้างความรู้ด้านสุขภาวะ แต่ยังเป็นขบวนการเรียกร้องสิทธิและศักดิ์ศรีของผู้ค้าหาบเร่แผงลอย ที่ต้องการให้สังคมเห็นความสำคัญ”