กลุ่มพรรณไม้

กลุ่มพรรณไม้ย้อมสีธรรมชาติ เป็นการรวมกลุ่มกันของเกษตรกรสตรีสูงอายุในพื้นที่ 3 จังหวัด ในภาคอิสานของประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดร้อยเอ็ด สุรินทร์ และศรีสะเกษ กลุ่มพรรณไม้เป็นกลุ่มที่นำภูมิปัญญาด้านการทำผ้าของปู่ย่าตายายชาวอีสานมาต่อยอดสร้างอาชีพสร้างรายได้เลี้ยงตัวเอง และชุมชนในทุกกระบวนการผลิต ตั้งแต่ เข็นฝ้าย เลี้ยงไหม ย้อมสีธรรมชาติจากพืชพันธุ์ในท้องถิ่น และทอผ้าในลวดลายต่างๆ อย่างพิถีพิถันจนเป็นที่ยอมรับลูกค้าในมาตรฐานกระบวนการผลิตและราคาอย่างยาวนาน ปัจจุบันกลุ่มพรรณไม้มีสมาชิกจากสามจังหวัด จำนวนทั้งสิ้น 179 คน

          กลุ่มสตรีทอผ้าจากสีธรรมชาติกลุ่มนี้เริ่มก่อรูปเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2528 โดยสมาคมเทคโนโลยีที่เหมาะสมได้เข้ามาทำงานเสริมศักยภาพสตรีทางด้านอาชีพใน 24 หมู่บ้าน จาก 6 อำเภอ ในจังหวัด ร้อยเอ็ด สุรินทร์ ศรีสะเกษ  โดยในกลุ่มพรรณได้ เป็นกลุ่มที่นำภูมิปัญญาการทอผ้าที่มีอยู่แต่เดิมในชุมชนมาต่อยอดด้านการย้อมสีจากพืชพรรณธรรมชาติที่มีสีสันที่หลากหลายมากขึ้น

ใน ปี 2532 ทางกลุ่มรวมตัวกันอย่างเป็นทางการ และตั้งชื่อกลุ่มร่วมกันว่า “กลุ่มพรรณไม้”  ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมาทางกลุ่มพรรณไม้ได้มีการพัฒนาความรู้ความสามารถในการทอผ้าอย่างต่อเนื่อง มี การพัฒนามาตรฐานการทอผ้า การย้อมสีธรรมชาติ รวมถึงเรียนรู้การส่งเสริมทางการตลาด จนทำให้กลุ่มมีความเชี่ยวชาญและมีการทำงานอย่างเป็นระบบ และมีการรวมกลุ่มกันอย่างความเข้มแข็ง ทั้งยังได้สร้างเครือข่ายการทอผ้าย้อมสีธรรมชาติในพื้นที่ และมีประสบการณ์ในการจัดจำหน่ายสินค้าของทางกลุ่ม 

ลูกค้าของกลุ่มพรรณไม้มีทั้งกลุ่มคนไทยและต่างประเทศ โดยในกลุ่มลูกค้าที่เป็นลูกค้าประจำของกลุ่มพรรณไม้คือกลุ่มลูกค้าในประเทศญี่ปุ่น ประเทศญี่ปุ่นได้เข้ามาร่วมพัฒนาความรู้ทักษะการย้อมสีธรรมชาติกับทางกลุ่ม ยังเป็นลูกค้ารายแรกที่ได้สั่งซื้อผ้าย้อมสีธรรมของกลุ่มอย่างต่อเนื่อง  โดยลูกค้ากลุ่มนี้ของกลุ่มพรรณไม้จะนิยมผ้าฝ้ายทอย้อมสีธรรมชาติ ที่มีเนื้อผ้าและลวดลายที่เรียบง่าย สีไม่ฉูดฉาด และจะเปลี่ยนคอลเลคชั่นผ้าตามฤดูกาล นอกจากนี้ กลุ่มพรรณไม้ยังมีกลุ่มลูกค้าฝั่งยุโรป เช่น ประเทศเนเธอแลนด์ เยอรมัน อังกฤษ แคนาดา อิตาลี ที่นิยมสั่งซื้อสินค้าที่แปรรูปแล้วจำพวกผ้าไหม เช่น ผ้าไหมพื้น หรือผ้าไหมลวดลายต่างๆ ที่ใช้สำหรับคลุ่มไหล่ และผ้าพันคอ นอกจากนี้ กลุ่มพรรณนาไม้ยังเป็นที่รู้จักมากขึ้น ส่งผลให้มียอดขายเพิ่มขึ้นทั้งยอดขายปลีก และยอดขายส่ง มีรายได้เข้ากลุ่มอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเกิดกลุ่มทอผ้าด้วยสีธรรมชาติในพื้นที่ขึ้นอย่างต่อเนื่องจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม การมีกลุ่มทอผย้อมสีธรรมชาติจำนวนมากมากขึ้น ส่งผลให้ชาวบ้านกลุ่มต่างๆ มีรายได้มากขึ้น แต่เกิดการแข่งขันนในการประกอบอาชีพ ทางกลุ่มพรรณไม้เอกงก็ได้รับผลกระทบจากการแข็งขันทางการค้านี้ เนื่องจากกลุ่มทอผ้าอื่นๆ ได้ขายสินค้าผ้าทอย้อมสีธรรมชาติในราคาที่ต่ำกว่าทางกลุ่มเดิม ทำให้ยอดขายของกลุ่มพรรณไม้ลดลง กลุ่มพรรณไม้ได้มีการปรับตัวโดยการทำงานโดยเน้นการรักษาคุณภาพการผลิต สร้างมาตรฐานการควบคุมคุณภาพของสินค้าของกลุ่มพรรณไม้ ทั้งในระดับหมู่บ้าน จนถึงระดับคณะกรรมการของกลุ่มพรรณไม้ โดยมีมาตรฐานกลางของกลุ่มประกอบด้วย 1)ความสวยงามของสี ไม่ด่าง สีย้อมสม่ำเสมอ 2) เนื้อผ้า ต้องเรียบสวยงาม เส้นใยสวย ไม่ย่น ไม่ยุ่ย  และ 3) ริมขอบผ้าต้องสม่ำเสมอ ไม่เว้าเข้าหรือเว้าออก ซึ่งผลของการควบคุมคุณภาพของสินค้าดังกล่าว ทำให้ผ้าและสินค้าของกลุ่มพรรณไม้คงคุณภาพ และมาตรฐานจนเป็นที่ยอมรับของกลุ่มลูกค้า ทั้งยังพัฒนาฝีมือการผลิตของสมาชิกให้มีความละเอียดมากขึ้น เพื่อคงส่งต่อคุณค่าที่ดีให้กับลูกค้าที่ต้องการงานผ้าทอที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. 2558 – 2564 ได้เกิดสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก กลุ่มลูกค้าต่างประเทศชะลอการสั่งซื้อลดลง บางส่วนยังประหยัดโดยหันไปเลือกซื้อสินค้าจากกลุ่มที่มีราคาสินค้าถูกมากกว่า นอกจากนี้การแพร่ระบาดสถานการณ์ COVID-19 นั้น ได้ส่งผลทำให้การขายสินค้าในลูกค้าต่างประเทศทั้งหมดต้องชะงักลง

สินค้าภายใต้กลุ่มพรรณไม้ มีความหลากหลาย มีทั้งสินค้าที่เป็น ผ้าฝ้ายทอย้อมสีธรรมชาติ ที่ยังไม่แปรรูป และสินค้าผลิตภัณฑ์จากผ้าทอย้อมสีธรรมชาติ อาทิ  ผ้าเช็ดตัว ผ้าไหมคลุ่มไหล่ ผ้าสไบพันคอ เสื้อเชิ้ต เสื้อสตรี กางเกง ชุดเดรส กระเป๋า กล่องดินสอ เป็นต้น ซึ่งสินค้านั้นจะมีความหลากหลายเฉดสีให้ลูกค้าได้เลือกสรร