กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าย้อมครามโนนเรือ ม.13 อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เกิดการรวมกลุ่มของสตรีในหมู่บ้าน เพื่อฟื้นฟูการทอผ้าย้อมครามอันเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมที่สืบทอดต่อกันมมาจากบรรพบุรุษของชุมชน โดยการทอผ้าย้อมครามเหล่านี้ มิใช่เพียงแค่การทอผ้าจากฝีมือสตรีสูงอายุในชุมชนเท่านั้น แต่รวมถึงกระบวนการปลูกต้นคราม จนนำไปสู่สีครามที่ดีมีคุณภาพ จนเป็นที่ต้องการของลูกค้าจำนวนมาก
ในปี 2535 สำนักพัฒนาชุมชนจังหวัดสกลนคร ได้เข้ามาส่งเสริมการรวมกลุ่มในชุมชน โดยนางหนูพร ทองไชย ได้ชักชวนสตรีในหมู่บ้านให้มารวมกลุ่มกัน เพื่อร่วมกันฟื้นฟูการทอผ้าจากการย้อมครามอันเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของชุมชน ในปี 2541 ทางกลุ่มได้รับการสนับสนุนมากขึ้น ทั้งในเรื่องเงินทุน วัสดุอุปกรณ์ และการอบรมเพิ่มทักษะให้กับสมาชิกจากองค์กรพัฒนาเอกชน จนทำให้กลุ่มเติบโตขึ้นมีสมาชิกถึง 20 คน ในปี 2544 กลุ่มทอผ้าย้อมครามบ้านโนนเรือ ได้เข้าร่วมโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอทอป) ได้รับการคัดสรรเป็นสินค้าโอทอป ระดับ 3 ดาว และปี 2552 ได้รับการคัดสรรเป็นสินค้าระดับ 4 ดาว ในปี 2559-2561 กรมการพัฒนาชุมชน (พช.) ได้สนับสนุนเงินทุนจำนวน 50,000 บาท ให้กับทางกลุ่มทอผ้าย้อมครามบ้านโนนเรือ ส่งผลให้เกิดการขยายสมาชิกเพิ่มขึ้นจนในปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 43 คน ที่ทำงานอยู่ในกระบวนการผลิตผ้าทอย้อมครามที่มีทั้ง คนปลูกต้นคราม คนรับจ้างมัดฝ้าย คนทอผ้า คนปั่นชายผ้า คนผลิตเครื่องประดับจากผ้าคราม และในช่วงระยะปีนี้เป็นช่วงที่ทางกลุ่มมีรายได้เพิ่มจากการทอผ้า จนทำให้สมาชิกมีรายได้เพิ่มขึ้นถึงเดือนละ 10,000-30,000 บาทต่อเดือน ในปี 2562-2564 เศรษฐกิจชะลอตัวลง รวมถึงเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 19 ทำให้ทางกลุ่มต้องชะลอกระบวนการผลิต ส่งผลให้รายได้ลดลง และยังถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลางที่เข้ามาซื้อสินค้าของกลุ่มอีกด้วย
ในปัจจุบันสินค้าภายใต้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าย้อมครามโนนเรือ ม.13 คือ ผ้าทอคลุ่มไหล่ย้อมคราม ผ้าทอพันคอย้อมคราม เครื่องประดับจากผ้าคราม กระเป๋าเป้ กระเป๋ใส่เงิน เสื้อ หมวก ซึ่งมีลวดลายที่หลากหลายให้เลือกซื้อ โดยเฉพาะลายน้ำไหล ลายมัดหมี่ เป็นที่นิยมของลูกค้า ที่เข้าเลือกซื้อสินค้าที่กลุ่ม หรือซื้อสินค้าตามบูทที่ทางกลุ่มไปออกร้านกับหน่วยงานราชการ อย่างไรก็ตามสินค้าของกลุ่มนั้นจะผ่านการย้อมสีครามที่ทำให้สีติดทนนาน มีกลิ่นครามแท้ ผ้านุ่มให้แล้วไม่รู้สึกระคายผิวอีกด้วย